10 เรื่องราวไม่น่าเชื่อ แต่เกิดขึ้นจริงใน WSOP 2006

web1

10 เรื่องในโป๊กเกอร์

ไม่อยากจะเชื่อว่าเคยเกิดขึ้นจริง!!!

World Series Of Poker หรือ WSOP 2006 เป็นครั้งที่น่าจดจำด้วยหลายสาเหตุ ข้อหนึ่งคือเป็นรายการหลักที่ใหญ่ที่สุด มีผู้เล่นเข้าร่วมมากกว่า 8,000 คน ก่อนที่กฏหมายควบคุม UIEA จะออกมาในปีเดียวกัน (ที่ทำให้วงการโป๊กเกอร์ชะงัก)

และเป็นปีสุดท้ายที่การเล่นไพ่โป๊กเกอร์ออนไลน์ได้รับอนุญาตให้สามารถส่งผู้เล่นเข้ารายการหลักโดยตรงได้ ดังนั้นโรงแรม Rio จึงกลายเป็นสวนสัตว์เนื่องจากคนทุกระดับมาเข้าร่วมแข่งโป๊กเกอร์ พูดอีกอย่างคือช่วงเวลานั้นคือจุดสูงสุดของวงการโป๊กเกอร์ ที่เราจะไม่มีโอกาสได้เห็นอีก

นอกจากที่เห็นกันชัดๆ ในงาน WSOP 2006 แล้ว ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เราอาจจะลืม โชคดีที่เป็นปีแรกๆ ที่เราเก็บข้อมูลอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงยังมีเรื่องราวเด็ดๆ มาเล่าให้ฟัง และนี่คือ 10 เรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นจริงใน WSOP 2006

1.Negreanu ซื้อรีบายถึง 48 ครั้ง และไม่ได้เงินสักแดง

ทัวร์นาเมนท์แบบซื้อซ้ำถูกคัดออกจาก WSOP ในปี 2009 ต้องขอบคุณ Daniel Negreanu ที่สามารถซื้อซ้ำรัวๆ ได้สบายๆ เพื่อหวังโอกาสคว้าแชมป์

ในปี 2006 Negreanu อยู่ในช่วงพีคที่สุด ถึง 48 ครั้งในการลงแข่งทัวร์นาเมนท์ $1k Rebuy แปลง่ายๆ ว่า พี่แกทุ่มทุนถึง $48,000 ในการลงแข่งทัวร์นาเมนท์ $1,000 (ตีง่ายๆ ต่ำๆ ก็ 1.44 ล้านละ)

และสิ่งที่โคตรจะเศร้าคือ พี่แกไม่ได้เงินสักสลึง

คนที่ได้แชมป์ไปคือ Phil Hellmuth คว้ารางวัล $631,863 และกำไล WSOP อันที่ 10 ในขณะที่ Negreanu ต่อให้ไปถึงโต๊ะสุดท้ายก็แค่ได้เงินมาเสมอตัว

น่าแปลกใจที่ Negreanu ไม่คัดค้านการยกเลิกทัวร์นาเมนท์รีบายของ WSOP สักคำ หลังจากนั้นพี่แกก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่า มันก็แค่ข้อได้เปรียบของมือโปรที่กระเป๋าหนักแค่นั้นเอง

เอาจริงๆ เรื่องนี้จะช่วยประหยัดเงินพี่แกได้โขเลยล่ะ

2. รายการ HORSE (แข่งแบบผสม) ใน WSOP 2006 มีโต๊ะสุดท้ายที่เจ๋งที่สุด


รายการ $50,000 HORSE ทัวร์นาเมนท์ใน WSOP 2006 ถือเป็นอะไรที่พิเศษอยู่แล้ว

มันเป็นรายการแข่งที่ค่าสมัครสูงที่สุดที่ WSOP เคยจัดมา แต่ยังมีตำนานของ Chip Reese ที่เป็นผู้เหมาะสมกับตำแหน่งแชมป์ตอนนั้นด้วย

นอกเหนือจากที่บอกเมื่อกี้ ผู้คนอาจจะลืมว่าการเดิมพันที่โต๊ะสุดท้ายนั้นมันขนาดไหน มันมีทุกอย่างทั้งรุ่นเก๋า รุ่นใหม่ และ Jim Bechtel ซึ่งจริงๆ แล้ว โต๊ะนี้ถือว่าเป็นโต๊ะเจ๋งที่สุดในพลังด้านดาวเด่นแห่งวงการ

เจ๋งขนาดไหน ลองดูที่รายชื่อเลย

Chip Reese
Phil Ivey
Andy Bloch
Doyle Brunson
Patrik Antonius
Dewey Tomko
TJ Cloutier
David Singer
Jim Bechtel

3. คนที่รอดจนได้เงินรางวัลในรายการหลัก ได้เงินแค่ $616

ในรายการหลักปี 2006 ต้องบอกว่ารางวัลต่ำมาก ต่ำโคตรๆ

ผู้ที่ได้รางวัลสุดท้าย Ryan Badii ได้มา $10,616 ซึ่งถ้าหักเงินค่าสมัคร $10,000 แล้ว ได้กำไรมาแค่ $616 เอง และอีก 10 คนถัดมาก็เหมือนๆ กัน จากนั้นรางวัลก็กระโดดไป $14,497

นับว่าเป็นความโชคร้ายของผู้เล่น 11 คนแรกที่หลุดจริงๆ เพราะงานนี้เป็นงานแข่งที่นานที่สุดกว่าจะได้เงินรางวัล

4. มีงานกำไลจัดขึ้นหลังจบรายการหลัก

ตามนั้น คุณมีโอกาสได้กำไล WSOP เป็นของปลอบใจสำหรับความพ่ายแพ้ในรายการหลัก ก็นะ แปลกดี กำไลแชมป์ให้คนแพ้
และหลังจากนั้นก็ไม่เคยจัดงานแบบนี้อีกเลย แต่ในมุมหนึ่ง พวกที่แพ้ได้กำไล ก็ ไม่แย่สักเท่าไรนะ

5. Clonie Gowen กับ Maxim ปาร์ตี้

ในปี 2006 โป๊กเกอร์เป็นกระแสแค่ไหนน่ะเหรอ
มือโปรของ Full Tilt Poker Clonie Gowen ได้ลงนิตยสาร Maxim และจัดปาร์ตี้ฉลองกันที่เลาจ์ ของ Full Tilt Poker

งานปาร์ตี้ได้รวมผู้คนเจ๋งๆ อย่าง Norm Macdonald (แสตนอัพคอมมาดี้แบบโน๊ตอุดม) คนที่เป็นตัวแทนของ FTP อย่าง Erick Lindgren และ Mike Matusow แต่ไม่มีอะไรหวือหวาบ้าบอหรอกนะ ก็มันยังเป็นโป๊กเกอร์ปาร์ตี้นี่นา

6. Dimitri Nobles สูบ George Danzer จนซีด ต้องใช้เวลาเป็นปีๆ กว่าจะฟื้น


ในปี WSOP 2005 George Danzer ไปได้รุ่งสุดๆ ด้วยกำไรแชมป์ถึงสามรายการ และเป็นผู้เล่นเกียรติยศแห่งปี แต่ประเด็นคือในตอนเริ่ม WSOP 2006 Danzer ก็เล่นดีอยู่จนไปถึงช่วงลึกๆ ในรายการหลักปีนั้น

แต่แล้วเขาก็ชนตอเข้ากับ Dimitri Nobles ในมือที่ “สุดซวย” ถ้าให้เล่าให้ฟัง
Danzer มีคู่คิงในมือ
Nobles มี A 8
เปิด Flop Nobles ได้คู่แปด
จากนั้น All-In และไพ่ที่ออกใน Turn คือ
A

หลังจากนั้น Danzer ยอมรับเลยว่า ตานั้นทำให้อาชีพโปรโป๊กเกอร์ของเขาถอยหลังไปถึงสองปี แต่ในที่สุดเขาก็กลับมาได้และดีกว่าเดิม

(แต่ก่อนเจอ Nobles ตานั้น Danzer ก็โดนเล่นไปที ด้วยไพ่ ริเวอร์ อ่ะนะ)

7. PokerStars ทุ่มเงินถึง $730,000 ไปกับกระเป๋าของผู้เล่นหน้าใหม่


อย่างที่บอกไปแล้วว่ามีหลายเรื่องที่สุดจะงง ว่าทำลงไปได้ยังไง

ตามคำเล่าของฝ่ายการตลาด Dan Goldman หนึ่งในลูกจ้างรุ่นแรกของ PokerStars ทางบริษัทได้ลงเงิน
ไปมากกว่า $730,000 เพื่อกระเป๋าของผู้เล่น ซึ่งบนกระเป๋าแต่ละใบจะมี เสื้อทีม PokerStars หมวกเบสบอลทีม และชื่อทีมบนผ้า ค่าใช้จ่ายสำหรับทำกระเป๋าแต่ละใบ $450?

แบรนด์คือสิ่งที่โคตรสำคัญ และทุกเว็บไซต์พยายามใส่สัญลักษณ์ของตัวเองไว้บนทุกอย่างที่งาน WSOP

8. Brandon Cantu ได้สปอนเซอร์จากการชนะทัวร์นาเมนท์เดียว


ก่อนหน้า WSOP 2006 Brandon Cantu ไม่เคยชนะโป๊กเกอร์เลยสักครั้ง (หมายถึงแข่งนะ)

หลังจากที่เขาชนะในรายการ $1,500 No-Limit Hold’em ปี 2006 เขาคว้าเงินรางวัล $757,839 และได้เซ็นสัญญาเป็นมือโปรกับ Absolute Poker.

วันนั้นเป็นวันที่พลิกชีวิตเขาจริงๆ

Cantu ประสบความสำเร็จต่อไปบนเส้นทางโป๊กเกอร์ ทำรายได้มากกว่า 4.2 ล้านเหรียญ ในขณะที่มีตราของ Full Tilt, PokerStars และ UB (ตามแต่ช่วงสัญญา ไม่ใช่ใส่หมดพร้อมกัน) แต่ถ้าวันนั้นเขาไม่ได้ชนะ ไม่ได้เซ็นสัญญานั้น เขาก็คงไม่มีวันนี้แน่นอน

9. เออ Jamie Gold เหนือคนอื่นซะขนาดนั้นล่ะ


นักโป๊กเกอร์ทุกคนมีช่วงมือขึ้นสุดๆ ได้ แต่ของ Jamie Gold ในปี 2006 นี่ต้องบอกเลยว่า อยู่กันคนละชั้น
ตั้งแต่วันแข่งขันวันที่ 4 ไปชิพของเขาทิ้งห่างคนอื่นแบบไม่เห็นฝุ่น ถึงขนาดที่ว่าแค่ย้ายชิพทั้งหมดไปอีกโต๊ะก็กลายเป็นเรื่องวุ่นวายแล้ว Gold เองมีนิสัยชอบบลัฟ แต่ในเวลาเดียวกันก็จะเล่นมือที่สุด ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และแบบนั้นเลยทำให้มือโปรคนอื่นๆ คันมืออยากจะอัดเขาและมาเล่นมือที่ไม่สุดใส่เขาเรื่อยๆ
และนี่คือจำนวนชิพของ Gold ในรายการหลัก WSOP 2006

วันที่ 1: อันดับ 17 – Jamie Gold, 100,125 ชิพ
วันที่ 2: อันดับ95 – Jamie Gold, 155,400 ชิพ
วันที่ 3: อันดับ 33 – Jamie Gold, 387,000 ชิพ
วันที่ 4: อันดับ 1 – Jamie Gold, 3,700,000 ชิพ
วันที่ 5: อันดับ 1 – Jamie Gold, 7,330,000 ชิพ
วันที่ 6: อันดับ 1 – Jamie Gold, 13,000,000 ชิพ
วันที่ 7: อันดับ 1 – Jamie Gold, 25,650,000 ชิพ
วันที่ 8: อันดับ 1 – Jamie Gold, 90,200,000 ชิพ (ผู้ชนะ)

10. Full Tilt Poker ให้โบนัส 10 ล้าน ในรายการหลัก


ในช่วงปี 2006 เป็นปีที่เหล่าเว็บไซต์ไพ่โป๊กเกอร์ออนไลน์ต่างกำลังสร้างแบรนด์ และทุกคนล้วนอยากได้แชมป์โลกมาอยู่ในเว็บของตน PokerStars เพิ่งจะได้เซ็นสัญญาต่อเนื่อง 3 ราย กับ Chris Moneymaker, Greg Raymer และ Joe Hachem ในปีทองของเขา ในขณะที่ Full Tilt ที่มีแชมป์รายคนอยู่แล้ว เสนอเงินรางวัลเพิ่มอีก 10 ล้านดอลลาร์ให้กับผู้เล่นที่สามารถเข้าแข่งรายการหลักในนามของ FTP และแข่งชนะ แต่โปรโมชั่นนี้ก็มีเงื่อนไขอยู่คือ จะจ่ายเพียงปีละล้าน (จ่าย 10 ปี) แต่ถ้าผู้เล่นของ FTP ชนะรายการหลักได้ ก็หมายความว่ามีโอกาสทำเงินได้ถึง 22 ล้าน
ตามคำบอกของ Mike “The Mouth” Matusow โปรฯ 10 ล้านนี้ยังให้โอกาสกับ Allen Cunningham ซึ่งเข้าถึงโต๊ะสุดท้ายและเป็นคนที่ทุกคนยอมรับว่ามีโอกาสล้ม Jamie Gold มากที่สุด (ซึ่งหมอนี่มันกวาดรางวัลทุกวัน โหดชะมัด)แต่น่าเสียดายที่เขาไปไม่ถึงฝั่ง Cunningham ได้อันดับ 4 คว้าเงินรางวัลไป 3.6 ล้าน แต่สุดท้าย เขาก็ได้เข้าเป็นสมาชิกของทีม FTP ในเวลาไม่กี่เดือนถัดมา