8 วันสำคัญ ที่เปลี่ยนประวัติศาสต์ โป๊กเกอร์ออนไลน์

web1 (1)

8 วันสำคัญของโลกโป๊กเกอร์!!!

แฟนๆโป๊กเกอร์ห้ามพลาด!!!

การเริ่มต้นของโป๊กเกอร์ออนไลน์นั้นจริงๆแล้วมันเป็นเพียงจุดเล็กๆ ที่แทบจะไม่มีใครสังเกตด้วยซ้ำ มีแค่ 1-2 เว็บที่ให้บริการเล่นเงินจริงออนไลน์ ในตอนนั้นไม่มีใครเคยคิดว่าโป๊กเกอร์จะพีค จนขนาดมีเงินเป็นร้อยๆ ล้านหมุนวนในระบบเป็นเรื่องปกติแบบตอนนี้ ประวัติศาสตร์ของโป๊กเกอร์ออนไลน์มีเรื่องมากมายที่จารึกไว้ก็จริง แต่ที่สำคัญที่สุด ที่ทำให้มันมาถึงจุดๆ นี้ได้ คือ 8 วันที่เรากำลังจะเล่าให้ฟังกันต่อไปนี้ ไปอ่านกันเลย

1998 – 1 มกราคม จุดกำเนิดของโต๊ะโป๊กเกอร์ออนไลน์

โต๊ะที่ว่า ก็แบบเห็นรูปโต๊ะเป็นโต๊ะ ไพ่เป็นไพ่แบบที่เราเล่นๆ กันในปัจจุบันนี้นั่นล่ะ เพราะก่อนหน้านั้น จะเป็นแถวตัวอักษรยาวเหยียดที่ดูแล้วชวนเวียนหัว หากจะเล่นกันจริงจังก็ต้องนั่งจ้องจอจนตาจะถลนออกจากเบ้า (ห้องแชท IRC ในปี 1994)

โดยเว็บไซต์เจ้าแรกที่ทำโต๊ะขึ้นมาคือ Planet Poker ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ตัวโปรแกรมเริ่มทดสอบมาตั้งแต่ปี 1997 แล้ว แต่ตัดสินใจว่าจะเริ่มใช้ในปี 1998 (ก็เลยเป็นวันที่ 1 นั่นเอง) และถึงแม้ในปี 1999 จะมีอีกเจ้าที่พัฒนาโปรแกรมมาใหม่ (Paradise Poker)  เล่นโป๊กเกอร์ได้สามแบบ และเบียด Planet Poker ทิ้งไป แต่ก็ยังถือว่า Planet Poker เป็นจุดพลิกประวัติศาตร์ของวงการออนไลน์อยู่ดี

2001 – การกำเนิดของPartypoker  และ PokerStars

ถ้ามีรางวัลให้กับปีที่สำคัญที่สุดในวงการโป๊กเกอร์ออนไลน์ คงไม่พ้นปี 2001 เพราะการที่สองยักษ์ใหญ่อย่าง Pokerstars และ Partypoker เกิดขึ้น และดึงผู้เล่นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเข้ามาอยู่ในวงการนั้นถือเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ทีเดียว

ใน 15 ปีหลังจากนั้น Pokerstars ถือเป็นผู้ครองตลาด แต่ Partypoker ก็ตามมาในปี 2002-2006 ด้วยกระแสโป๊กเกอร์บูมที่เกิดขึ้น ซึ่งในตอนนั้นเม็ดเงินที่หมุนใน Partypoker มีถึง 1 ล้านเหรียญฯ ต่อวันเลยทีเดียว

ด้วยการโฆษณาและเข้าใจพลังของทัวร์นาเมนท์จึงทำให้ Partypoker ครองตลาดด้วยทัวร์นาเมนท์ที่การันตีเงินรางวัลรวม 1 ล้านดอลล่าร์

2003 – Chris Moneymaker ชนะรายการหลัก WSOP

ไม่ใช่แค่เพราะว่าชายคนนี้ชื่อสวยเหมาะเจาะจึงทำให้โป๊กเกอร์บูม (นามสกุลผู้ทำเงิน แจ๋วใช่มั้ยล่ะ) แต่เพราะว่าต้นกำเนิดตำนานนี้มันเริ่มมาจากทัวร์นาเมนท์คัดเลือกที่เริ่มต้นจากเงินแค่ $40 เท่านั้นเอง (ประมาณ 1,500 บาท)

แอคเคาท์โนเนมที่ไม่มีใครรู้จักสมัครผ่านรอบแรก รอบสอง รอบสาม จนเข้าถึงการแข่งขันรายการหลักรอบสุดท้ายของ WSOP แถมยังชนะมือเก๋าที่ทุกคนรู้จักกันดีกวาดรางวัลไป $2.5m

โอ้โห อะไรมันจะเจ๋งปานนั้นวะเนี่ย ทุกคนตกตะลึงอ้าปากค้าง ก่อนจะบอกตัวเองว่า ถ้าหมอนี่ทำได้ เราก็น่าจะทำได้

และที่สำคัญ ไอ้ $40 ที่เริ่มแข่งคัดเลือกมานี่ มาจากโป๊กเกอร์ออนไลน์เรื่องแบบนี้ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้ผู้คนมากมายหลั่งไหลเข้ามาดังเขื่อนแตก จากงาน WSOP ที่มีคนเพียง 839 ในปี 2003 กลายมาเป็น 5,619 ในปี 2005

พอกระแสมา เหล่าโป๊กเกอร์ออนไลน์ก็รับลูกค้ากันสนุกสนานเลยทีเดียว รวมถึงผู้เล่นหลาบคนที่หันมาทุ่มเทจริงจังพัฒนาทักษะตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาตื่นตัวของวงการมาก รวมถึงเศรษฐกิจในวงการที่เจริญรุ่งเรืองเป็นทศวรรษ ก่อนจะมีสายฟ้า ฟาดเข้ามาสกัดความรุ่งโรจน์ อันจะได้กล่าวในข้อถัดไป

2006 – UIGEA นโยบายรัฐออกมาถล่มวงการ

เมื่อใดรัฐเข้ามายุ่ง เมื่อนั้นมีความซวย ไม่ใช่แค่ในประเทศบ้านเรา (ไม่เกี่ยวกับการเมืองช่วงนี้เด้อป) ‘Unlawful Internet Gaming Enforcement Act’ (UIGEA) กฏหมายที่ออกมาว่าการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับการพนันออนไลน์นั้นผิดกฏหมาย เล่นเอาวงการเหวอไปตามๆ กัน เพราะมันดันมาออกในวินาทีสุดท้ายตอนแก้กฏหมายใหม่

เหตุการณ์นี้ทำให้สารพัดเจ้าจรลีลี้หนีออกจากสหรัฐฯ ไปตามๆ กัน แม้จะเป็นยักษ์ใหญ่อย่าง Partygaming 

แต่ PokerStars ยังคงอยู่และอ้าแขนต้อนรับการตรวจสอบจากทางรัฐ และเพราะเช่นนี้ทำให้ตอนนั้น Pokerstars ไร้คู่แข่งทั้งทางผลกำไรและจำนวนผู้เล่น (ตอนนั้นยังไม่มีคาสิโน ใน Pokerstars)

น่าเสียดายที่ Partygaming ปล่อยโอกาสทองนี้ไป ทำให้ Pokerstars ยึดตลาดไปจนยิ่งใหญ่ยั่งยืนดังเช่นวันนี้

2007-2008 – การฉ้อโกงแรกของโป๊กเกอร์ออนไลน์

Absolute Poker เป็นเจ้าแรกที่ “เสีย” จากการฉ้อโกงหนักๆ (ยิบย่อยก็คงมีอีกหลายเจ้าอ่ะนะ) ซึ่งเรื่องมันแดงออกมาในปี 2007 ว่า พนักงานคนหนึ่งได้ทำการพัฒนาโปรแกรมที่ทำให้มองเห็นไพ่ในมือผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้ และใช้มันในการเล่นห้องเดิมพันสูงๆ

นอกจากมันจะทำให้เหล่าผู้เล่นผิดหวังแล้ว มันยังทำให้เกิดการรวมตัว รวบข้อมูล และหลักฐานจากรูปแบบที่โดนกินซ้ำๆ และแน่นอน ส่งเรื่องเข้าระบบการโกงครั้งนี้สร้างแรงกระทบที่ใหญ่มาก ใหญ่ขนาดไหน ขนาดที่ผู้เล่นเสียเงินกันเป็น 10 ล้านดอลลาร์ และด้วยความนิยมชมชอบของชาวประชาที่มีต่อโป๊กเกอร์ออนไลน์ในขณะนั้น ทำให้ชื่อเสียแพร่ขยายขจรขจายยิ่งกว่าไฟล่ามทุ่งฉุดไม่อยู่ ส่วน Absolute Poker ได้แต่มองชื่อเสียและคุณงามความดีที่ทำมาค่อยๆ พินาศลงไป

แม้จะมีเรื่องอื้อฉาวโด่งดังกระหน่ำวงการเช่นนี้ แต่ในอีกปีต่อมา Ultimate Bet ก็แทบจะทำเรื่องซ้ำเหมือนหนังม้วนเดียวกัน เมื่อพนักงานเผยข้อมูลว่า สามารถดูไพ่ของผู้อื่นได้ผ่านโปรแกรมหลังบ้าน หลังจากนั้นคงไม่ต้องบอกหรอกว่าโกลาหลแค่ไหน

2009 – ธันวาคม Brian Hastings ชนะ เงินถึง $4.1 Million จาก Isildur1 ในรอบเดียว

ตอนนั้น Full Tilt และ PokerStars เป็นสองยักษ์ใหญ่ที่เห็นการเคลื่อนไหวอย่างรัวๆ ของห้องเดิมพันสูงๆ ซึ่งทำให้เกิดผู้เล่นระดับตำนาน อย่าง Isildur1 (Viktor Blom)  การมาถึงของมือพิฆาตชาวสวีเดนคนนี้เปิดหน้าใหม่ของวงการโป๊กเกอร์ นั่นคือการฟาดฟันกันของมือโปรด้วยเดิมพันได้เสียระดับล้านดอลลาร์ หลังจากที่ Isildur1 มีความสุขกับการเฉือด Tom Dwan ไปแล้ว (ถ้าจำไม่ผิดได้ถึง 4 ล้านดอลลาร์) เขาก็กลายเป็นดาวเด่นระดับตำนาน แต่หน้าใหม่นี้ก็ปิดท้ายด้วยกลิ่นอายความอื้อฉาวในสิ้นปี 2009 

หลังจาก Isildur1 พ่ายแพ้ย่อยยับให้กับ Brian Hastings ความน้ำเน่าก็ถูกเปิดเผยว่า…

Hastings ร่วมมือกับ Brian Townsend และ Cole South เพื่อสอย Isildur1 โดยทั้งหมดขุดข้อมูลการเล่นของ Isildur1 มาวิเคราะห์ ดูรูปแบบ ซึ่งผิดกฏ (แม้ว่าจะมีบริษัทที่ขายข้อมูลตรงนี้ก็ตาม) กลายเป็นว่ามีการหมาหมู่ ขายข้อมูล รวมหัวยำ กลายเป็นทำให้คนมองว่ามือโปรระดับโลกไม่ค่อยมีเกียรติและศักศรีดิ์สักเท่าไร

2011: Black Friday

15 เมษายน 2011 โลกของโป๊กเกอร์ออนไลน์ต้องทรุดลงไปอีกครั้ง โดยการเข้าจับกุมโดเมนเนมของกระทรวงยุติธรรมในสหรัฐฯ (PokerStars, Full Tilt และ Absolute Poker) 

Full Tilt ร่วงทันทีที่เรื่องแดงว่า โยกเงินผู้เล่น ทำให้บัญชีถูกอายัดทันที โชคยังดีที่ตอนหลัง Pokerstars ได้ซื้อต่อและคืนเงินผู้เล่นจนครบทุกคน

เจ้าของ Full Tilt โดนเรื่องนี้ไปเต็มๆ Ray Bitar, Rafe Furst, Howard Lederer และ Chris Fergusonall ต้องชี้แจงว่าทำไมจู่ๆ เงินหลายล้านหายไปไหน สุดท้ายบริษัทโดนฟ้องข้อหาแชร์ลูกโซ่ และต้มตุ๋นเงินผู้เล่นถึง 300 ล้านดอลลาร์

ส่วน PokerStars ต้องจ่ายค่าปรับถึง 1,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อจะดำเนินธุรกิจนอกสหรัฐฯ และผ่านเงินไขต่างๆ ในข้อกฏหมาย UIGEA เรียบร้อยดี

12 กรกฎาคม 2014: Amaya ซื้อ Rational Group บริษัทเจ้าของ PokerStars และ Full Tilt ด้วยมูลค่า $4,900 ล้าน

ในปี 2014 PokerStars เริ่มทำท่าง่อนแง่น นักธุรกิจอย่าง David Baazov จึงเดินเสนอเงินเทคโอเวอร์ ถึง 4.9 พันล้าน เพื่อจะเอา Pokerstars เข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งใหญ่ที่สุดในวงการ

ในขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Pokerstars (ซึ่งผมก็อยู่ช่วงนั้นด้วยพอดี) ทั้งระบบทัวร์นาเมนท์ใหม่ ค่าโต๊ะที่เพิ่มขึ้น ระบบวีไอพีที่เปลี่ยนไป แต้มที่เก็บๆ มา และสารพัดอย่างที่ผู้เล่นบางคนทุ่มไป หายไปทันทีในช่วงสิ้นปี (บางคนคงเหลือแต้มบานแล้วไม่ได้ใช้แน่ๆ) แม้ว่าจะผ่านการเทคโอเวอร์และปัญหานารับประการ รวมไปถึงการพร่ำบ่นของบรรดาสาวกดาวแดง แต่ Pokerstars ก็ยังพุ่งแรงเป็นดาวเด่นและเป็นยักษ์ใหญ่แห่งวงการโป๊กเกอร์จนถึงปัจจุบัน

ฟังดูก็อลัง อยากเข้าไปมั่งจัง แต่ขอบอกว่ายัง เพราะหากเข้าไปทั้งๆ ไม่แน่นจะโดนยำ
เข้าใจนะครับว่าที่ใหญ่ ผู้เล่นเยอะ เป็นบ่อเงินบ่อทองเพื่อการเติบโต

แต่ผมขอให้มาอยู่กับเรา Pokerinvader ก่อน เพราะเราสอนการเล่นอย่างโปร มีกลุ่มที่แลกเปลี่ยนความรู้ และศึกษาวิธีเล่นจากโปรชาวไทยมากมาย เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะให้คุณเป็นอีกคนที่เล่นแบบปึ้กๆ ไปโกยเงินเป็นปึกๆ เมื่อลงสนามอินเตอร์

แอดไลน์ @Pokerinvader แล้วพบกันครับ